หลายๆ ธุรกิจที่มี Location หลายๆ Location มักจะรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดเกี่ยวกับธุรกิจ ไว้ใน Master Landing page ที่เดียว ซึ่งเป็น big mistake สำหรับ SEO
เราควรทำการแยก และ Optimize แต่ละ Business location
แต่ละ Location Page สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเหมือนกัน
- ชื่อ Location, ที่อยู่, เบอร์โทร. (NAP: location’s name, address, and phone number)
- Location-specific content (staff information, testimonials, new)
- Embedded Google Map
ต้องมองว่าแต่ละ Location page เป็นไซต์ขนาดเล็ก ที่เราต้องพยายามสร้างและเพิ่ม relevant related content ซึ่งเราสามารถสร้าง URL Structure ได้ตามตัวอย่างดังนี้
- yourdomain.com/locations/location-a/testimonials
- yourdomain.com/locations/location-a/directions
- yourdomain.com/locations/location-b/testimonials
นอกจากนี้เราควร Optimize content, title tag, meta description,… ให้เหมาะกับ Keyword ของแต่ละ Location และเพิ่ม local business schema markup ให้กับแต่ละ Local page เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรากฏอยู่ใน Search result.
สุดท้ายคือการ submit sitemap เพื่อให้ Google หาหน้าเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นในการทำ index
Optimize Your Google My Business Listings
ทำการเพิ่ม URL ของแต่ละ Location pages ลงใน Business profile
ทำการ Optimize ตาม guidelines ของ Google’s guidelines หัวข้อตาม Guidelines ของ Google ประกอบด้วย
- Verify each location
- List accurate hours
- Add photos
- Manage and respond to reviews
นอกจากนี้เราควรรู้กฏเกณฑ์สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับ Multi-Location
- Name Consistency: ชื่อที่ใช้ระบุสำหรับแต่ละ Location ควรสอดคล้องสม่ำเสมอแน่นอน เช่น ใช้ชื่อเรียก location ว่า “Home Depot” บ้าง หรือ “Home Depot at Springfield” บ้าง
- Category Consistency: ทุก Location ควรมีหมวดหมู่ อย่างน้อยหนึ่งหมวดหมู่ ที่แสดงถึง ธุรกิจโดยภาพรวมของ Location นั้นๆ
อย่างไรก็ตามกฏเกณฑ์เหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้ ถ้าแต่ละ Business Location มีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น